กลโกงของมิจฉาชีพ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต่างปรับรูปแบบใหม่ในการเข้าถึงข้อมูลของเหยื่อ โดยล่าสุด มีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือรายหนึ่ง ตกเป็นเหยื่อ เพราะแค่เพียง ชาร์จมือถือ วางทิ้งเอาไว้ แต่จู่ๆเครื่องดับ เมื่อเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาอีกรอบ กลับมีข้อความจากแอปธนาคารแจ้งว่า มีเงินออกไปจำนวนกว่า 1 แสนบาท ทั้งที่ไม่มีการโทรเข้า-โทรออก และ ไม่มีใครส่งลิงก์ให้ยืนยันข้อมูล
ผู้เสียหาย เล่าว่า ปกติเค้ามีโทรศัพท์ 2 เครื่อง คือ เครื่องแอนดรอย ซึ่งเป็นเครื่องที่ใช้เล่นเกมส์อย่างเดียว ส่วนเครื่องหลัก คือ ไอโฟน ซึ่งเป็นเครื่องที่ชาร์จโทรศัพท์ทิ้งเอาไว้ แล้วโดนแฮก กระทั่งดูดเงินหาย
ณัฐ พยงค์ศรี นักวิชาการด้านคอมพิวเตอร์ชำนาญการ ให้ข้อมูลว่า จากที่ดูจากคลิป มีส่วนที่โดนแอปรีโมทเข้ามาที่เครื่อง ทำให้หน้าจอค้าง เพื่อให้เหยื่อใช้งานไม่ได้ ในขณะที่หลังบ้านของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กำลังดูดข้อมูลจากเครื่องของเหยื่อ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะควบคุม เพราะว่าส่วนมากผู้เสียหายจะไม่รู้ตัว แต่มีคำแนะนำ ถ้าเกิดพบว่าเครื่องหน่วงผิดปกติ อย่าพึ่งใช้แอปธนาคาร เพื่อทำธุรกรรมทางการเงิน
2 กลโกงมิจฉาชีพ แฮกข้อมูล
ในขณะที่เพจ Drama-Addict เตือน 2 จุดเสี่ยง ถูกแฮกข้อมูลในขณะนี้ คือ สายชาร์จมือถือ ไอโฟน ที่ทีมแฮคเกอร์ดัดแปลงข้างใน ให้สามารถดูดข้อมูลจากเครื่องเหยื่อได้ สมมุตว่า มีคนใช้สายนี้เสียบชาร์จ ก็จะสามารถดูดข้อมูลในเครื่องนั้นได้ โดยตัวสายมันจะมีอุปกรณ์ในการดักจับข้อมูล
ถ้าหากเหยื่อพิมพ์ข้อมูล รหัสผ่าน อะไรแนวๆนี้ มันก็จะถูกส่งข้อมูลผ่านระบบไร้สาย ไปเข้าคอมพิวเตอร์ของมิจฉาชีพได้ ซึ่งปัจจุบันมีแบบใหม่ๆออกมาขายหลายชนิด มีแบบ usb-c ด้วย และวิธีการก็แนบเนียนขึ้น ดังนั้น ฝากพ่อแม่พี่น้อง ตอนนี้มิจฉาชีพมาทุกรูปแบบ และสายชาร์จของมิจฉาชีพ ก็มีขายทั่วๆไปในท้องตลาด หน้าตาภายนอกแยกจากสายชาร์จไม่ออก ดังนั้น เวลาจะชาร์จมือถือ ใช้สายใครสายมัน อย่ายืมสายคนแปลกหน้ามาใช้
อีกวิธีที่ คือ wifi ปลอม วิธีการแบบนี้ มิจฉาชีพจะไปตั้งจุด hotspot wifi ให้ชื่อคล้ายกับพวก wifi สาธารณะที่ให้ใช้ฟรี และต่อเน็ทได้ แต่ถ้าหากเราหลงเชื่อไปใช้งาน wifi ปลอมเหล่านี้ แล้วกรอกรหัสอะไรไป ข้อมูลก็จะถูกดักไว้โดยมิจฉาชีพ ถูกลักขโมยข้อมูลแบบไม่รู้ตัวกันเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น ถ้าหากจะใช้งาน wifi สาธารณะ เช็คกันดีๆว่า เป็นของจริงหรือของปลอม พลาดไปก็หมดกระเป๋าได้เลย
8 สถานที่ควรระวังการ ชาร์จมือถือ
1. จุดชาร์จที่สนามบิน หรือบนเครื่องบิน
ไม่ควรนำแค่สาย USB มาเสียบที่พอร์ต USB ชาร์จมือถือ เพราะว่าโดนล้วงข้อมูลได้ง่าย เพื่อความปลอดภัยควรนำ Adapter ของมือถือมาด้วย และเสียบผ่าน Adapter มือถือเข้ากับสาย USB มือถือก่อนชาร์จ เพื่อทำให้มั่นใจว่าใช้สำหรับชาร์จเท่านั้น ไม่โหลดข้อมูลมือถือ
2. รถไฟ
มีพอร์ตแบบ USB ให้บริการชาร์จ แต่เสียบแล้วมีโอกาสข้อมูลรั่วไหลเช่นเดียวกัน และไม่มีปลั๊กไฟฟ้าทั่วไปสำหรับใช้ Adapter ให้เสียบด้วย เพราะฉะนั้นเพื่อความปลอดภัย ได้เตรียมแบตเตอรี่สำรอง หรือ Powerbank ส่วนตัวในการชาร์จแบตด้วย
3. โรงแรม
มีพอร์ต USB ในการชาร์แบตเตอรี่ และมีรูปลั๊กไฟให้บริการ แต่แนะนำเสียบกับรูปลั๊กไฟปลอดภัยกว่า
4. รถเช่า
หลายๆคนท่องเที่ยวต่างประเทศ หรือต่างจังหวัด และใช้บริการรถเช่า ก็ไม่ควรนำมือถือมาชาร์จกับรถเช่า เพราะมีโอกาสถูกลักขโมยข้อมูลได้เหมือนกัน โดยเฉพาะนำมือถือมาเสียบกับ USB เพื่อฟังเพลงจากรายชื่อเพลงในมือถือ เสี่ยงถูกขโมยข้อมูลได้ หรือจะชาร์จด้วย adapter ชาร์จแบตมือถือของรถยนต์ จะปลอดภัยกว่า
5. จุดชาร์จตามสถานที่ท่องเที่ยว
เว้นแต่อันตรายต่อข้อมูลในมือถือแล้ว อาจเป็นอันตรายต่อตัวคุณด้วย ถ้ามีมิจฉาชีพมาเข้าใกล้เพื่อลักขโมยมือถือ ซึ่งรู้ได้ถ้าคุณชาร์จมือถือ ณ จุดบริการชาร์จไฟฟรี
6. จุดชาร์แบตเตอรี่ตามห้ามสรรพสินค้า
ถ้าเกิดคุณชาร์จด้วยสายชาร์จ USB เสียบกับพอร์ต USB ก็มีโอกาสที่จะถูกลักขโมยรายชื่อผู้ติดต่อของคุณ, อีเมล ข้อความ,เสียงรูปภาพและวิดีโอ ที่อยู่ในมือถือได้ โดยเป้าหมายของแฮกเกอร์คือ ข้อมูลการเงิน หรือรหัสของแอปธนาคารออนไลน์
7. ห้องสมุด
อาจดูเหมือนเป็นพื้นปลอดภัย แต่ควรหลีกเลี่ยงการเสียบอุปกรณ์มือถือ เข้ากับพอร์ต USB เพราะหากเสียบพอร์ต USB มีความเสี่ยงที่จะเกิดการถูกถ่ายโอนข้อมูลได้เช่นเดียวกัน
8. ร้านกาแฟ
เป็นอีกสถานที่หนึ่ง ที่อาจจะมีความเสี่ยงต่อการถูกลักขโมยข้อมูลเหมือนกัน ควรระวังการชาร์จผ่านพอร์ต USB เพื่อความปลอดภัยก็ควรนำ Adapter ติดตัวไปด้วย สำหรับชาร์จโทรศัพท์มือถือจะเป็นการดีที่สุด
ทั้งนี้ทั้งนั้น มีคำแนะนำว่า ถ้าไม่มี Adapter ชาร์จแบต ในการชาร์จสมาร์ทโฟน และต้องต้องเสียบสาย USB เพื่อชาร์จไฟในสถานที่เสี่ยง เพื่อความปลอดภัย ให้ปิดเครื่องมือถือให้สนิท ก่อนเสียบสาย USB จะเป็นการชาร์จผ่านกระแสไฟฟ้า โดยไม่มีการโหลดข้อมูลในมือถือ
ตร.สอบสวนกลางเตือนภัย! เสียบสายชาร์จไม่ระวัง เสี่ยงถูกแฮกข้อมูล
เพจตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โพสต์แจ้งเตือนภัยเสียบสายชาร์จไม่ระวัง เสี่ยงถูกแฮกข้อมูลไม่รู้ตัวกล่าวว่า ในตอนนี้พบว่ามีสายชาร์จที่ฝังตัวส่งสัญญาณไร้สาย Access Point ที่เมื่อเราเสียบสายชาร์จเข้ากับอุปกรณ์ หรือโทรศัพท์มือถือของเราแล้ว อาจทำให้เหล่าแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลในอุปกรณ์ของพวกเราได้จากระยะทางไกล โดยเเฮกเกอร์จะสามารถโจรกรรมข้อมูลต่างๆไม่ว่าจะเป็น เลขบัญชีธนาคาร, รหัสธนาคาร, password หรืออาจจะถูกส่ง Malware อันตรายเข้ามายังอุปกรณ์
ซึ่งรูปร่างหน้าตาของสายชาร์จดังกล่าว จะมีหน้าตาคล้ายกับสายชาร์จทั่วไป มีทั้งสายชาร์จแบบ Lightning, Micro-USB หรือ USB-C จึงอาจจะทำให้หลายคนไม่ทันระวังเนื้อระวังตัว เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการถูกแฮกข้อมูล ควรรอบคอบการใช้สายชาร์จของคนเเปลกหน้า หรือ การเสียบสายชาร์จไฟจากพอร์ทรูปแบบต่างๆตามสถานที่สาธารณะ อย่างเช่น ห้าง, โรงแรม, สถานีโดยสารต่าง ๆ